คนหนุ่มรุ่นใหม่ หน้าตาและการแต่งตัวทันสมัย ชาญเกียรติ มหันตคุณ เขาเกิดมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับจิวเวลรี
เขาเป็นรุ่นที่สองของธุรกิจจิวเวลรีแบรนด์ บี บิจูซ์ ที่นำเสนอผลงานลวดลายแบบไทยๆ ทุกวันนี้เขาเข้ามาช่วยบริหารกิจการต่อจากผู้เป็นแม่ พร้อมๆ กับการสร้างแบรนด์ใหม่ของตัวเอง ด้วยการนำภูมิปัญญาดั้งเดิมของไทยในงานถมเงินถมทองมาสร้างเป็นแบรนด์พราวลาย พัฒนาต่อยอดในเรื่องเทคโนโลยีการผลิต ลวดลายดีไซน์ให้มีความทันสมัยกับคนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น จนเป็นที่รู้จักและยอมรับทั้งตลาดคนไทยและคนต่างชาติ โดยเฉพาะชาวยุโรป
นอกจากนี้ เขาก็ยังสนใจชื่นชอบงานฝีมือเครื่องทองลงยา เครื่องทองเหลืองของรุ่นคุณปู่คุณย่า จนไปศึกษาและพัฒนามาใช้กับสินค้าของเขาในแบรนด์น้องใหม่พราวลาย ที่เขาฟูมฟักจนเป็นรูปเป็นร่างด้วย
“ที่ผมเน้นงานที่ออกแบบให้สวยทันสมัยสำหรับคนวัยหนุ่มสาว และเพื่อบุกตลาดคนต่างชาติที่ชอบงานฝีมือ คือ ลูกค้ากลุ่มบี บิจูซ์ที่คุณแม่ทำมาจะเน้นวัยผู้ใหญ่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งแบรนด์นี้ก็ยังจะรักษาลูกค้ากลุ่มนี้ต่อไป ขณะที่ลูกค้าพราวลายจะเน้นคนชอบงานแอนทีกร่วมสมัย ราคาปานกลาง 2-3 หมื่นบาท และขณะเดียวกันผมยังมองที่จะสร้างแบรนด์น้องใหม่ขึ้นมาอีก จับตลาดวัยรุ่นและวัยเริ่มต้นทำงาน ด้วยสินค้าเครื่องประดับที่เน้นพลอยแท้เม็ดเล็กๆ กับงานลงยาสีสันสดใส ราคาประมาณ 4,000-5,000 บาท เพื่อให้ครอบคลุมลูกค้าได้ทุกวัยจริงๆ” ชาญเกียรติ บอก
แม้ว่าทางด้านการศึกษาเขาจะจบทางด้านมัลติมีเดีย ทั้งปริญญาตรีและโทจากสหรัฐอเมริกา และกำลังศึกษาปริญญาเอกอยู่ที่คณะคุรุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่อาจจะไม่ใกล้เคียงกับสิ่งที่ทำอยู่มากนัก แต่ถ้าใจรักเสียแล้วอะไรก็ปรับให้เข้ากันได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะเรื่องของการออกแบบนั้นสามารถปรับใช้กันได้อย่างกลมกลืน
อย่างการทำแบรนด์พราวลาย ก็เพราะชื่นชอบฝีมือความละเอียดของช่างทองโบราณ ภูมิปัญญาไทยที่เน้นศิลปะและความละเอียดประณีตงดงาม เป็นของดีของไทย
“เราควรช่วยอนุรักษ์กันไว้ก่อนจะหายสาบสูญไป แต่ถ้าจะให้เหมาะกับคนรุ่นใหม่ก็อาจจะต้องปรับเรื่องรูปแบบและดีไซน์กันบ้าง แต่ขั้นตอนการทำยังคงเค้าเดิมอยู่ เพียงแต่นำมาพัฒนาต่อเรื่องดีไซน์เท่านั้น คนต่างชาติเห็นจะชอบ เพราะงานแบบไทยๆ บ้านเขาไม่มี” ชาญเกียรติ ทิ้งท้ายด้วยความภาคภูมิ
โพสต์ทูเดย์ ไลฟ์สไตล์